ต่อจากตอนที่ 1 เราจบบทความที่ว่า เนื่องจาก LED มีข้อจำกัดสำคัญ คือ ยังไม่สามารถผลิต LED ที่เปล่งแสงสีขาวโดยแท้จริงได้ เรามาต่อกันเลยนะคะ
โดยปัจจุบันมี 2 วิธี ที่นำมาใช้เพื่อผลิต
วิธีแรก นับเป็นวิธีการที่นิยมใช้มากที่สุดและง่ายที่สุด คิดค้นโดยบริษัท Nichia เมื่อปี 2539คือ การเคลือบ LED สีน้ำเงินด้วยสารเรืองแสงสีเหลือง อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของวิธีการนี้ คือก่อให้เกิด การสูญเสียพลังงาน ทำให้ประสิทธิภาพในการให้แสงสว่างลดลง
วิธีที่สอง นับเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงกว่า คือ การนำแสงสีแดง เขียว และ น้ำเงิน มาผสมกันให้พอเหมาะเพื่อให้เป็นสีขาว ซึ่งมีข้อดี คือ นอกจากผสมกันเป็นสีขาวแล้ว ยังสามารถ ผสมสีออกมาเป็นสีต่างๆ ได้ตามต้องการ อย่างไรก็ตามข้อเสียของวิธีการนี้คือ มีความยุ่งยากและมีค่าใช้จ่าย สูงในการบำรุงรักษาเนื่องจากจะต้องมีหลอด LED จำนวนมาก
LED หรือ Light Emitting Diode
เป็นหลอดไฟที่มาแรงที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากคุณประโยชน์อันเหนือชั้นที่ถูกพัฒนาขึ้นให้ใช้งานได้ระยะยาว เป็นทางเลือกของคนชอบการประหยัดพลังงาน หรือบางสถานที่ที่เล่นแสงสีเยอะ เปิดปิดไฟบ่อย หลอดนี้จะเหมาะมาก
1. LED มีประสิทธิภาพการให้พลังงานแสงสว่างที่ระดับสูงถึง 70 ลูเมน/วัตต์
2. อายุการใช้งานของหลอด LED ยาวนานถึง 50,000 – 100,000 ชั่วโมง
3. LED ปล่อยความร้อนออกมาน้อยมาก ประหยัดไฟฟ้า โดยทั่วไปกินไฟเพียง 0.5-1 วัตต์
4. ควบคุมคุณภาพของแสงให้ปล่อยออกมาได้ ดังนั้น จึงนำไปใช้ประโยชน์ในการให้แสงสว่างในสถานที่สำคัญ เป็นต้นว่า พิพิธภัณฑ์ลูฟของกรุงปารีส ได้ใช้แสงจาก LED ในการให้แสงสว่างต่อภาพเขียนโมนาลิซ่า เนื่องจากสามารถควบคุมแสงสว่างจาก LED ไม่ให้มีส่วนผสมของแสงที่เป็นอันตรายต่อภาพเขียน เช่น แสงอินฟราเรด แสงอัลตราไวโอเลต ฯลฯ
ตัวอย่างการเปรียบเทียบหลอด LED vs FL
ที่มา : http://www.solarcellindustrial.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น